WooCommerce Plugin เชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์กับบริการขนส่ง Deliveree

Deliveree-WooCommerce-Plugin

ธุรกิจหรือร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ระบบหลังบ้านของ WooCommerce สามารถเชื่อมต่อ WooCommerce plugin ของ Deliveree เพื่อเพิ่มช่องทางการขนส่งให้ลูกค้า ส่งของด่วนจากร้านถึงมือของลูกค้าคุณได้ใน 2-3 ชั่วโมง สามารถตั้งค่าขนส่งได้ตามต้องการ จองรถส่งของได้อย่าง​​อัตโนมัติ และติดตามสถานะการขนส่งได้บน WooCommerce WordPress เพียงเชื่อมต่อ WooCommerce shipping plugin ของ Deliveree ก็สามารถเข้าถึงบริการขนส่งแบบครบวงจรได้แล้ววันนี้

อีเมลทีมธุรกิจเช็คค่าขนส่ง

เชื่อมต่อระบบ WooCommerce กับ Deliveree ดีอย่างไร

การเชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์ของคุณกับ WooCommerce shipping plugin ของ Deliveree ช่วยให้คุณจัดการการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถจัดการการขนส่งได้ภายใต้แพลตฟอร์มเดียว เช่น ให้มีการเรียกรถส่งของทันทีเมื่อลูกค้ายืนยันการสั่งซื้อของบนร้านค้า โดยที่คุณไม่ต้องไปจัดการหรือวางแผนรถขนส่งผ่านช่องทางอื่น Plugin การขนส่งของ Deliveree เหมาะกับทั้งธุรกิจที่มีการส่งของให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าทั่วไป และธุรกิจที่เน้นการขายส่งให้กับผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มธุรกิจในรูปแบบ B2B ผ่าน WooCoomerce B2B

การเพิ่มบริการขนส่ง Deliveree เป็นช่องทางการส่งสินค้า ยังมีข้อดีดังนี้

  • ส่งของได้รวดเร็ว บริการส่งของ Deliveree เป็นการขนส่ง on-demand สามารถรับ-ส่งของได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการยืนยันการสั่งซื้อ การมีบริการขนส่งที่รวดเร็วเป็นทางเลือกให้ลูกค้าจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นและช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างมาก

  • ส่งของได้ทุกขนาด ด้วยรถหลากหลายประเภท ตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์ รถ 4 ล้อ ไปจนถึงรถ 10 ล้อ เราสามารถรับส่งสินค้าขนาดใหญ่ได้ หรือสามารถส่งของหลายๆ จุดในหนึ่งเที่ยว

  • รับ-ส่งของได้ในหลายพื้นที่ ปัจจุบันเราให้บริการรับของในหลายจังหวัดและหลายภูมิภาค และสามารถส่งของได้ทั่วไทย ทำให้ร้านค้าไม่เสียโอกาสในการขาย ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน สามารถส่งของถึงมือลูกค้าอย่างครอบคลุมและรวดเร็วได้แน่นอน ตรวจสอบพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมได้ที่หน้าพื้นที่บริการส่งของเหมาคัน
  • มีประกันสินค้า ทุกการขนส่งมีประกันสินค้าเสียหายและสูญหายที่วงเงินประกันสูงสุด 750,000 บ. สำหรับการใช้งานด้วยบัญชีธุรกิจ

Deliveree WooCommerce Plugin ให้คุณจัดการการขนส่งได้อย่างยืดหยุ่น

เมื่อคุณเชื่อมต่อระบบร้านค้ากับ WooCommerce shipping plugin ของ Deliveree แล้ว คุณสามารถตั้งค่าและจัดการการขนส่งได้ตามความต้องการของร้านค้าบนแพลตฟอร์ม WooCommerce WordPress ดังนี้

  1. ราคาขนส่ง – ตั้งค่าได้ 2 รูปแบบ คือแบบแสดงราคาตามอัตราค่าขนส่งในระบบ Deliveree โดยสามารถปรับเพิ่มหรือลดราคาให้ลูกค้าได้ หรือแบบตั้งราคาเป็นอัตราคงที่ตามที่ร้านค้าต้องการ

  2. การจองรถ – เลือกให้ระบบทำการจองรถอัตโนมัติหลังลูกค้ายืนยันการสั่งซื้อ หรือเลือกยืนยันการจองรถเอง เพื่อจัดการหรือรวมรายการสั่งซื้อหลายๆ รายการในการจองรถหนึ่งคัน

  3. บริการเสริม –  ตั้งค่าเพิ่มบริการเสริมอย่าง ผู้ช่วยยกของ บริการเก็บค่าสินค้าปลายทาง (COD) และบริการส่งคืนเอกสาร (POD) ได้ในระบบ

  4. จัดการการขนส่งติดตามการส่งและตรวจสอบสถานะการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ลูกค้าของคุณก็จะได้รับลิงก์เพื่อตรวจสอบตำแหน่งรถขนส่งและประมาณการเวลาที่จะได้รับสินค้าอีกด้วย

  5. ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า Deliveree – หากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือด้านการขนส่ง สามารถแชทหาฝ่ายบริการลูกค้าของเราได้โดยตรงบน WooCommerce โดยเราให้บริการทุกวันระหว่างเวลา 5:00 น. – 0:00 น.

ติดตั้ง WooCommerce Delivery Plugin ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว

Deliveree WooCommerce plugin ถูกพัฒนาให้ร้านค้าสามารถติดตั้งและตั้งค่าด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีทีมพัฒนา เพียงคุณเปิดบัญชีลูกค้าธุรกิจกับ Deliveree ดาวน์โหลด plugin และติดตั้งใน WooCommerce WordPress (ใช้เวลาเพียง 1 นาที) คุณก็สามารถเริ่มการตั้งค่าบริการขนส่ง Deliveree ในระบบหลังบ้านได้ เมื่อลูกค้าตั้งค่า WooCommerce delivery เสร็จสิ้นก็สามารถใช้บริการขนส่ง Deliveree ได้ทันที

ขั้นตอนการตั้งค่าบริการ Deliveree เบื้องต้น

  1. กดที่แถบ “Deliveree API” ซึ่งจะขึ้นใน WooCommerce settings เมื่อคุณติดตั้งใช้งาน plugin เรียบร้อย

  2. ใส่รหัส Deliveree API Key ซึ่งจะได้มาจาก API Dashboard ของบัญชีลูกค้าบน Web App ของ Deliveree ใส่รหัส Google API Key และใส่ที่อยู่ร้านค้า

  3. กดที่แถบ WooCommerce และกด Shipping เพื่อเพิ่ม Shipping Zone (หากมี Shipping Zone อยู่แล้ว สามารถกดแก้ไขได้) ใน Zone Settings ให้เลือก “Deliveree” และกด “Add Shipping Method”

  4. Deliveree จะขึ้นใน Shipping methods ให้กดที่ “Edit” เพื่อตั้งชื่อการขนส่ง ระยะเวลาในการขนส่ง และเลือกรูปแบบการแสดงราคาขนส่ง ระหว่างแสดงราคาตามอัตราค่าขนส่งในระบบ Deliveree หรือปรับเพิ่มหรือลดราคาให้ลูกค้า

  5. ตั้งค่าวิธีการจองรถที่ต้องการ และเปิด-ปิดบริการเสริม* ได้ในแถบ “Deliveree Services” ในเมนู WooCommerce settings โดยลูกค้าสามารถตั้งค่าการจองได้สองรูปแบบ คือแบบ “Manual” ที่ให้คุณทำการกดจองรถเองเมื่อมีรายการสั่งซื้อ เหมาะกับกรณีที่ต้องการรวมออเดอร์การส่งหลายออเดอร์เพื่อขนส่งในเที่ยวเดียวกัน หรือแบบ “Auto Assign” ที่ระบบจะทำการจองรถตามประเภทรถที่เหมาะกับขนาดสินค้าให้อัตโนมัติทันทีเมื่อรายการสั่งซื้อได้รับการยืนยัน

*แต่ละประเภทรถมีบริการเสริมและอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันออกไป โดย plugin จะยึดตามระบบ Deliveree สามารถตรวจสอบบริการเสริมและอัตราค่าบริการได้ที่หน้ารถและค่าบริการ

วิธีการจองรถบน WooCommerce แบบ Manual

  1. กดที่แถบ “Deliveree” ในเมนูด้านซ้ายมือ และเลือกเมนู “Orders”
  2. เลือกออเดอร์ที่ต้องการจัดส่งด้วยรถขนส่งคันเดียวกัน แล้วกด “Add to Group”
  3. ออเดอร์ที่ถูกเลือกจะแสดงใน Group Booking สามารถเลือก “Optimize Route” เพิ่มเติมเพื่อให้ระบบจัดเส้นทางการจัดส่งที่สั้นที่สุดให้
  4. กด “Next” เพื่อตรวจสอบราคา เลือกบริการเสริมที่ต้อง และยืนยันการจองรถ

วิธีการติดตามสถานะการขนส่งและแชทหาผู้ขับ

  1. กดที่แถบ “Deliveree” ในเมนูด้านซ้ายมือ กด “Bookings” และกด “Track” เพื่อติดตามสถานะการขนส่ง

  2. หากต้องการแชทหาผู้ขับ ให้กด “More” และกด “Chat with driver” หรือกด “Cancel booking” เพื่อยกเลิกการจองรถ

  3. ในเมนูนี้ คุณสามารถกดที่แถบ “Contact CS” เพื่อติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Deliveree ได้เช่นกัน

บริการขนส่งสำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ

ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจร้านค้าออนไลน์แบบ B2C หรือคุณกำลังใช้ WooCommerce B2B เพื่อจัดการการขายสินค้าปลีก-ขายส่ง บริการขนส่ง Deliveree สามารถตอบโจทย์การขนส่งทุกรูปแบบ ด้วยรถหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถขนาดเล็กหรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ ก็ทำการขนส่งให้ธุรกิจคุณได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเครือข่ายผู้ขับกว่า 20,000 คนที่พร้อมส่งของให้คุณอย่างมืออาชีพ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการการขนส่งของธุรกิจคุณได้แล้ววันนี้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการคำปรึกษาในการเชื่อมต่อระบบ WooCommerce delivery กับ Deliveree สามารถติดต่อฝ่ายลูกค้าธุรกิจได้ที่อีเมล business.th@deliveree.com


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

WooCommerce Shipping Plugin มีแบบไหนบ้าง

WooCommerce Plugin จัดการการขนส่งมีอยู่ 2 รูปแบบ คือปลั๊กอิน ของ WooCommerce WordPress และ ปลั๊กอินของผู้ให้บริการขนส่ง ซึ่งรูปแบบแรกจะมีให้เลือกระหว่าง Flat Rate Shipping Plugin ที่ให้ร้านค้าตั้งอัตราค่าจัดส่งแบบคงที่ตามเงื่อนไขที่ต้องการ เช่น ตามประเภทสินค้าหรือจำนวนของ และ Weight Based Shipping Plugin ที่ให้ร้านค้าตั้งค่าจัดส่งตามน้ำหนักของสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อ เช่น สินค้าน้ำหนักระหว่าง 100 – 200 ก. คิดค่าขนส่ง 50 บ. เป็นต้น ส่วนปลั๊กอินของผู้ให้บริการขนส่งนั้น ให้ร้านค้าออนไลน์เชื่อมต่อร้านกับระบบหลังบ้านของบริการขนส่งโดยตรง และใช้ระบบการคำนวณค่าขนส่งและการตั้งค่าต่างๆ ของบริการขนส่งได้ จุดเด่นของปลั๊กอินรูปแบบนี้คือสามารถตั้งค่าให้มีการเรียกบริการขนส่งทันทีเมื่อมีออเดอร์เข้ามา ช่วยให้ร้านค้าลดขั้นตอนการจัดการการขนส่งและส่งของให้ลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ผู้ให้บริการขนส่งที่มี WooCommerce Shipping Plugin คือบริษัท Deliveree DHL และ SHIPPOP

scroll

บล็อกนี้เป็นบล็อกภาษาไทย คลิกด้านล่างเพื่ออ่าน

Thai Flag Language

ลูกค้า

ผู้ขับ

ข้อมูลเพิ่มเติม